วันอาทิตย์ที่ 9 กุมภาพันธ์ พ.ศ. 2557

เมื่อลูกเป็นเด็กขี้แพ้ และนมแม่

(เขียนย้อนหลัง)

หลังคลอด เราลาคลอด 2.5 เดือน เลี้ยงลูกอยู่ที่บ้านแม่ 2 เดือนแรกผ่านไปด้วยดี ลูกทานนมแม่ล้วน มีปัญหาบ้างจากที่นมเป็นไตแข็ง ต้องไป u/s สลายก้อนไต และโดนหมอบีบ เจ็บยิ่งกว่าคลอดลูกอีก ตอนโดนหมอบีบให้ก้อนมันสลาย  (หาหมอแผนกกุมารเวชที่ BNH ตามที่ในเน็ตแนะนำ) เคยท้อจะเลิกให้นมแม่ อยากกินยาหยุดให้นม แต่สุดท้ายก็ผ่านมาได้ด้วยดี  หลังมีเทคนิค ได้คำแนะนำจากคนที่มาอยู่ไฟให้ปั๊มนมสม่ำเสมอ เป็น routine มากขึ้น ตอนกลางคืนก็ตื่นมาปั๊มไม่งั้นนมแข็งปั๋ง ทรมานมาก น้ำนมสต๊อกเริ่มเยอะเก็บเต็มตู้ช่อง freezer  เราเครียดมากเวลาอ่านบล๊อกแล้วมีคำแนะนำให้นมจากเต้า ไม่งั้นลูกจะติดขวดแล้วไม่ดูดเต้า   แต่สุดท้ายเราก็ตัดสินใจว่าทำอะไรที่เราทำแล้วสบายตัว สบายใจดีกว่า เลยให้นมจากเต้าสลับขวด  (ขวดจะเยอะกว่าด้วยซ้ำ คือปั๋มใส่ขวดให้ลูกดูด)


ปัญหาที่ตามมาหลัง 3 เดือนคือลูกมีผื่นขึ้นตามตัว และชอบเกาขา เกาตัวจนเลือดออก เราก็ทำทุกวิถีทาง เปลี่ยนผ้าปูที่นอนใหม่หมด รักษาความสะอาดทุกอย่าง แต่สุดท้ายก็ไม่หาย เลยค้นหาหมอในเน็ทและมาลงเอยที่คุณหมอวิทยา พญาไท3+บำรุงราษฏร์ เป็นหมอเด็กเชี่ยวชาญด้านภูมิแพ้  
ผื่นและรอยเกาตามตัว (อายุ3เดือน)

สภาพผิวหน้าลูกตอนตื่น

ไปหาหมอวิทยาครั้งแรกตอนลูกอายุเกือบ 4 เดือนแล้ว หมอดูจากผื่น รอยเกาแล้วซักประวัติ สุดท้ายหมอสงสัยว่าน่าจะเกิดจากฝุ่นก่อสร้าง ที่บ้านแม่เราข้างหน้าบ้านก็กำลังก่อสร้าง renovate ข้างๆ บ้านก็กำลังสร้างตึก หลังบ้านก็เจาะทำครัวใหม่  สรุปรอบด้านจริงๆ แต่เรากลับไม่เคยคิดถึงมาก่อนว่าจะเป็นสาเหตุให้ลูกเป็นแบบนี้ หมอแนะนำว่าให้ย้ายลูกออกจากที่อยู่ตอนนี้ให้เร็วที่สุด และให้ยาแก้แพ้ + Eucerin ฝาน้ำเงิน + ครีมอาบน้ำ Cetaphil Skin restoring body wash  หลังหาหมอและใช้ยาได้2วัน (แต่ยังอยู่ที่เดิม เพราะไม่รู้จะย้ายไปไหน) ลูกอาการดีขึ้นอย่างเห็นได้ชัด ผิวใสกริ๊บเลย หมอวิเคราะห์เก่งมากๆ  

หลังทานยาและทายาหมอวิทยา สภาพหน้าใสกริ๊ก เหลือแต่รอยสะเก็ดที่แห้งไปเอง


อ้อ และหมอเลยถือโอกาสทำ skin test แบบวิธีเข็มสะกิด หมอจะหยดจากขวดตัวที่สงสัยว่าจะแพ้ ของออสตินเทส ไข่ขาว ไข่แดง นมวัว wheat flour etc. จำไม่ได้แล้ว แต่ขึ้นว่าแพ้ไข่ขาวตัวเดียว  ก็เลยต้องระวังและไม่ให้กินไข่ขาวด้วย ณ ตอนนั้นลูกยังกินนมแม่ล้วนอยู่ เพราะจะเริ่มให้อาหารหลัง6 เดือนเลยยังไม่มีปัญหา



รูปหลังทำ skin prick test ตุ่มแดงที่ขึ้นคือไข่ขาว




วันพฤหัสบดีที่ 6 กุมภาพันธ์ พ.ศ. 2557

ผ่าคลอด ได้เห็นหน้าลูกครั้งแรก

(เขียนย้อนหลัง ตอนนี้ลูก1ขวบ4เดือนแล้ว)

คืนก่อนวันนัดผ่าคลอด ตามฤกษ์คือผ่าวันที่ 6 ต.ค.2555 เวลา 9.09น. เค้าให้งดน้ำ งดอาหารหลังเที่ยงคืน ตอนก่อนเที่ยงคืนนิดหน่อยเกิดหิวเ
ดินลงบันได้ไปหานมกิน รู้สึกเหมือนมีอะไรไหลมาจากช่องคลอด เหมือนตอนเมนส์มาวันแรก ไหลนิดๆ เลยรีบขึ้นไปบนห้องดู ปรากฎว่าเป็นมูกเลือด ตกใจนิดหน่อยแต่ไม่มาก เพราะศึกษามาพอสมควรถึงอาการใกล้คลอด ก็เลยโทรหาพยาบาลห้องคลอดที่รพ.บำรุงราษฎร์ พยาบาบอกว่าไม่เป็นไร ให้มาพรุ่งนี้6โมงเช้าตามนัด ก็เลยนอน แต่นอนไม่หลับเลย มดลูกบีบตัวเป็นระยะ แต่ยังไม่ถี่ จดไว้ตลอด

Last bump before delivery (คืนก่อนผ่าคลอด)

ตอนเช้าตื่นมา รีบอาบน้ำ สระผมไปรพ. หัวเปียกๆไปเลย เพราะกลัวว่าจะไม่ได้สระผมหลังคลอด  ไปถึงรอสักพัก พยาบาลมาซักประวัติ สวนก้น โกนขนตรงนั้น พอได้เวลาก็เข็นเข้าห้องผ่าคลอด เจอคุณหมอวิสัญญี ชวนคุยตลอด ใจดีมาก แล้วคุณหมอปรีชา (หมอที่เราฝากคลอด) และมีหมอพันธ์ศักดิ์ (พิธีกรรายการชูรักชูรส มาเป็นหมอผู้ช่วย) หมอทั้งสามคุยกันตลอดระหว่างผ่า ซึ่งเรารู้สึกตัวตลอด เลยรู้สึกไม่กลัวเท่าไหร่ แต่ก็ตื่นเต้นตลอด อยากเห็นหน้าลูกไวๆ

หมอปรีชาบอกว่าลูกเราออกมาตัวเล็กแน่ๆ ดูจากท้องเล็ก พอได้ฤกษ์ลงมีด แป๊ปเดียวก็ได้ยินหมอพูดว่าออกมาแล้ว อึกองเบ้อเร่อเลย แล้วก็บอกว่าตัวใหญ่ ไม่เล็กนะ ได้ยินเสียงลูกร้อง น้ำตาไหลเลย แบบว่าที่รอคอยมาตลอด เฝ้าระวัง กังวล กลัวไปสารพัด กลัวจะออกมาไม่สมบูรณ์ กลัวลูกเป็นอะไรไปก่อน ฯลฯ มันเป็นความสบายใจปนดีใจอย่างบอกไม่ถูก โล่งใจด้วยที่ออกมาครบ32 ปลอดภัย บอกสามีว่าตามพยาบาลไปนะ ตอนพยาบาลเข็นลูกออกไป กลัวโดนสลับ ถามสามีคำถามแรกเลยว่าลูกขาวมั้ย ฮ่าๆ ก็อยากให้ขาวๆนะ อุตส่าห์อดทนกินจับซาไท้เป้า

first family photo



รูปที่เข็นออกจากห้องคลอดเข้าตู้อบเพื่อปรับอุณหภูมิ


หมอวิสัญญีถามว่าจะฉีดยาสลบให้นะ จะได้พัก เราโอเค เพราะไม่ได้นอนทั้งคืนเลย หลับไปพักนึง เข็นออกมาดูอาการ พยาบาลเอาลูกมาให้ดูดนม skin to skin เราไม่มีแรงลุกเลย หน้าซีดมาก สามีบอกว่าเลือดพุ่งตอนตัดสายรก นี่แหละสายเลือดแห่งความผูกพันแม่ลูก วันนั้นทั้งวันไม่อยากรับแขก บอกเพื่อนๆว่ามาเยี่ยมได้วันพรุ่งนี้เป็นต้นไปนะ ให้แต่พ่อกับแม่เรามาตอนเย็น