วันศุกร์ที่ 4 พฤษภาคม พ.ศ. 2555

เจาะน้ำคร่ำ (amniocentesis drawn)

วันศุกร์ 27 เม.ย.55 กำลังนั่งรถกลับจากทำงาน ศูนย์ผู้มีบุตรยากโทรมาบอกว่าผลเลือดตรวจความเสี่ยงดาวน์ออกแล้ว หมอให้นัดเข้ามาคุยเรื่องเจาะน้ำคร่ำ จิตตกเลย เพราะรู้ว่าผลเลือดคงออกมาไม่ดี เครียดไปเลยจริงๆนะ  หมดนัดอีกทีวันอาทิตย์ 29 เม.ย. เพราะวันเสาร์วันหยุดหมอ  เอกไปสัมมนาที่นครนายก เลยต้องตีรถกลับมา เพราะคงไม่ได้กลับบ้านกรุงเทพฯแล้ว

เช้าวันอาทิตย์ ไปรอหมอตั้งกะ 10 โมงตามนัด ไม่รู้ว่าต้องเจาะน้ำคร่ำวันนี้ เลยไม่ได้เตรียมตัวอะไรเลย
ยังแพ๊คกระเป๋าเตรียมไปค้างบ้านม๊า เพราะหยุดจันทร์ อังคาร  พยาบาลให้ไปนอนรอในห้องเลย บอกอีกนาน เพราะจะให้เจาะน้ำคร่ำเลยให้เป็นเคสสุดท้าย  รอกระสับกระส่ายถึงบ่ายโมงก็ยังไม่ได้ตรวจ เพราะวันนี้คนไข้เยอะจริงๆ เลยออกไปวีน ว่าจะไปให้ใครแซงแล้ว เพราะเห็นมีคนเพิ่งมาอีก 2 คน  ก็บอกว่าให้เค้ารอเรามั่งสิ ไม่ได้นานขนาดเป็นชั่วโมงซะหน่อย 



waiting for the operation


ได้เจอหมอ บ่ายโมงครึ่ง หมออธิบายให้ฟังว่าความเสี่ยงของเราสูงกว่าอายุเฉลี่ยที่ 35 ซึ่งประมาณ 1:350 แต่ของเรา 1:95  เราก็ควรเจาะให้รู้ไปเลย  อายุครรภ์ 16 wks เป็นเวลาที่เหมาะสม เพราะไม่ควรเจาะเกิน 20 wks  ก็ขึ้นเตียงห้องหมอเลย หมอซาวน์ดูน้องโดยละเอียด ตอนแรกน้องนอนไม่เห็นเพศ แต่ซักพักก็เห็นจู๋น้อยและก้น หมอบอกผู้ชาย 555 ก็รู้อยู่แล้ว เพราะซาวน์ครั้งก่อนตอน 13 wks หมอก็ฟันธงว่าน่าจะชาย แต่นี่คอนเฟิมด้วย ultrasound


ช้างน้อยลูก
 หมอดูตำแหน่งลูกแล้วขีดปากกาไว้ที่พุงว่าหมอจะเจาะตรงนี้นะ เพราะน้องอยู่ด้านซ้าย ระหว่างนั้นเอกถ่ายวีดีโอไว้ตลอด เราขอปิดหน้าไม่กล้าดู และกลัวมาก หมอบอกมือเย็นเจี๊ยบเลย หมอบอกทุกขั้นว่าฉีดยาชานะ แล้วก็เจาะแล้วนะ ดูดมา 2 หลอดโต (เอกบอก)  พุงจากที่ไม่มีอยู่แล้วก็ฟีบไปเลย ตอนที่ยาชาออกฤทธิแล้วหมอเจาะก็รู้สึกเสียวๆแต่ไม่เจ็บ  เมื่อเสร็จก็ซาวน์ดูน้องอีกที และเข็นไปห้องพัก หมอให้นอนโรงพยาบาล 1 คืนเพื่อให้แผลที่เจาะปิดสนิท และน้ำคร่ำไม่รั่ว


เจาะเข้าไปแล้ว


เข็นขึ้นห้องพัก

หมอบอกว่าให้ออกจากรพ.เย็นๆของอีกวันเลยนะ เอาให้ชัวร์ แต่เอกต้องไปทำงานวันจันทร์ เลยไปรับอาม่ามาเฝ้าแทน อาม่าบอกเหมือนมาพักผ่อนเลย เพราะนอนตลอด ส่วนเราแปลกที่นอนไม่หลับทั้งคืน นอนไป 2 ชั่วโมงเอง  ก่อนกลับหมอให้พยาบาลมาวัดเสียงหัวใจน้อง มีเรื่องน่าระทึก คือวัดเท่าไหร่ก็ไม่ได้ยินเสียงหัวใจ วัดสามรอบ จนเครื่องแบตหมด สุดท้ายพยาบาลไปตามรุ่นพี่พยาบาลมาวัด แล้วก็ได้ยินเสียงหัวใจลูกที 164 ต่อนาที  แม่เกือบจะใจสลาย ตอนไม่ได้ยินเสียงหัวใจลูก อาม่ากับพ่อก็ตกใจไปด้วย รักอาม่ามาก เพราะวันที่เราไม่สบาย ก็ได้เค้านี่แหละมาดูแล



อาม่ามาเฝ้า