วันพุธที่ 12 กันยายน พ.ศ. 2555

Counting down

ถึงวันนี้ก็ตั้งท้องได้ 35 wks 3 days แล้วสินะ นับกันจริงๆก็อีก 25 วันถึงกำหนดนัดผ่าคลอด  จองคิวผ่ากับคุณหมอปรีชาไว้วันเสาร์ 6 ตค. 2555 ก่อน 9โมงเช้า ตามที่ตกลงกันได้ ว่าเด็กเกิดปีมะโรง วันเสาร์ถึงจะดี   มีแต่คนงงว่าทำไมไม่รอคลอดธรรมชาติ ซึ่งตามกำหนดควรจะเป็น 15 ตค.  แต่เราก็ไม่อยากรอหนิ จะได้เจ็บทีเดียว ไม่ต้องรอปวดท้อง



อีกไม่นานแล้วสินะ เราจะได้เจอกันแล้ว แม่กับพ่อแอบตื่นแต้นและนับถอยหลังทุกวันเลย แม่มาทำงานทุกวันก็ดูปฏิทินทุกวัน ไม่ได้ดูว่าจะลาคลอดเร็วๆ เพราะขี้เกียจทำงาน แต่อยากให้ลูกน้อยออกมาเร็วๆ จะได้เห็นหน้ากันและรู้ว่าลูกแข็งแรง อยู่ในท้องบางทีที่ลูกดิ้นน้อย แม่ก็กังวล หรือแม้แต่แม่เป็นอะไร ท้องผูก บิดตัว เดินทางเยอะ เหนื่อยก็กังวลไปสารพัดว่าลูกจะเป็นยังไง

ย่างเข้าสู่เดือนที่ 9 นี่มีแต่คนเริ่มทักว่าท้องใหญ่ เพิ่งจะมาทักกันก็เดือนสุดท้ายนี่แหละ แล้วแม่ก็เริ่มมีอาการเท้าบวม มันบวมมากๆ ตอนนี้รองเท้าส้นเตี้ยที่ซื้อมาใส่ได้อยู่คู่เดียวเอง เพราะซื้อไว้หลวม ไม่น่าเชื่อเลยจริงๆ   ถามหมอๆบอกว่าเป็นเพราะปริมาณโปรตีนในเลือดน้อย แม่เลยเท้าบวม แต่ส่วนใหญ่จะบวมเท้าซ้ายนะ เหมือนลูกเอียงมาอยู่ด้านซ้ายซะเยอะ



Swollen feet


กอเหนือกลับจากอเมริกามาแล้ว เอาของหมีพูที่แม่สั่งไว้จาก web Wal-mart มาให้แล้วเป็นกระเป๋าใส่ขวดนมและผ้าอ้อม (Daiper bag)  ซีดีเพลงหมีพู และหนังสือหมีพู เอาไว้ให้ลูก   ดีใจจังเลย แม่จะสอนให้ลูกชอบหมีพูเหมือนแม่ ก็หมีพูมันน่ารักหนิหน่า






ถึงวันนี้แม่ก็ตัวบวมขึ้นทุกวัน เมื่อวันจันทร์ 10 กย. ไปเจอเพื่อนๆ พี่เอ้ เสี่ยเกมส์มา พี่เอ้ก็ทักว่าบวมมาก ไม่ได้เห็นนานก็พูดแบบนี้แหละ ดูรูปเป็นหลักฐาน เออ บวมจริงๆด้วย




วันพฤหัสบดีที่ 30 สิงหาคม พ.ศ. 2555

8 months pregnant

ตอนนี้ก็ 33 wks 4 day แล้วณ วันที่ 31 ส.ค. กำหนดคลอดต้นต.ค. ตอนนี้กำลังเลือกกันอยู่ระหว่างแม่สามีและแม่เราว่าจะผ่าคลอดวันไหนดี สรุปแล้วเหมือนว่าจะเป็น 6 ต.ค. 2555


Mommy at 32 wks


อาทิตย์ที่แล้ว ทำงานเหนื่อยมากๆที่สุด เพราะต้องไปกรุงเทพ เช้าเย็นกลับ รถก็ติด แถมวันต่อมาก็มีสัมมนาที่พัทยา รู้สึกลูกดิ้นน้อยมากๆ กลางคืนพฤหัสถึงศุกร์เที่ยง ดิ้นนับได้2ครั้งมั้ง วันศุกร์เที่ยงเลยไป consult หมอสูที่ รพ.พญาไท ศรีราชา ชื่อหมอชาญชัย สุมณวงษ์ หมอคนนี้ดีมาก อธิบายละเอียด ให้เราทำอัลตร้าซาวน์ ได้เห็นหน้าลูก2มิติ เพราะหันมาพอดี เสียดายหมอไม่ได้ปริ้นหน้าให้
หมอ recommend ให้ทำ NST (Non-Screen test)  เพื่อจับจังหวะหัวใจและการดิ้นของลูก เพราะเราสงสัยเรื่องลูกดิ้นน้อย ทำเอาพ่อเป็นห่วงใหญ่ แต่ผลออกมาก็ปกติดี  ตอนนี้ลูกหนัก 1800 กรัมแล้ว ตัวใหญ่แล้วนะเนี่ย


During NST



วันเสาร์ 25 ส.ค.ก็ไปพบหมอปรีชาที่บำรุงราษฎร์ ก็ไม่มีอะไร หมอบอกขายังไม่บวม แต่พอกลับบ้านมาเสาร์นั้น แม่เท้าบวมมาก แล้วก็บวมทุกวันจนวันนี้  หมอบอกว่านัดอีกที 8 กย. แล้วก็ 29 กย.เลย เพราะหมอไปต่างประเทศ 15-22กย. แล้วถ้าแม่เกิดจะคลอดก่อนก็จะต้องทำคลอดกับหมอนพดล สโรบลแทน ซึ่งเป็นทีมแพทย์ของคุณหมอปรีชา 

ตอนนี้ก็เริ่มกังวล กลัวไปสารพัดว่าน้ำจะเดินก่อน จะคลอดก่อน เพราะคนรอบข้างก็เหมือนจะมีปัญหาน้ำเดิน คลอดก่อนกัน



waiting for doctor
Dr.Preecha at BH Hospital

อาการแม่ที่ทำงานเริ่มเหนื่อยง่าย หายใจลำบาก บางทีก็เจ็บซี่โครงตรงยอดอก เพราะมดลูกใหญ่ขึ้นและดันขึ้นมา  คนที่ทำงานเพิ่งจะมาเริ่มทักว่าท้องใหญ่ก็ปาเข้าไปเดือนสุดท้าย  แม่คงท้องเล็กจริงๆ 


Tummy at around 7 months


เมื่อวันอาทิตย์ 26 ส.ค.แม่ไปอบรมเกี่ยวกับการคลอดที่รพ.บำรุงราษฎร์กับพ่อด้วย ก็เป็นคอร์สบรรยายเกี่ยวกับอาการเจ็บท้องคลอด แนะนำห้องคลอดและเนิร์สเซอรี่ของทางรพ. 

วันพุธที่ 18 กรกฎาคม พ.ศ. 2555

ฝากท้องกับหมอปรีชา ที่รพ.บำรุงราษฎร์ ครั้งแรก

วันจันทร์ที่ 16 ก.ค. 2555 แม่เปลี่ยนไปฝากท้องกับคุณหมอปรีชา เหมชะญาติ ซึ่งเป็นหมอที่ผ่าคลอดให้พี่แอน แฟนอากู๋หนุ่ย หลังจากที่ผิดหวังกับการไปหาหมอที่อีกโรงพยาบาลนึงแล้วพยาบาลหน้าไม่รับแขก พูดจาไม่ดี แถมยังโทรมาเลื่อนนัด ก่อนหน้านี้อยู่ในความดูแลของหมอสุชาดา รพ.พญาไทศรีราชา ที่เป็นคนทำเด็กหลอดแก้วให้  ครบ 27 สัปดาห์พอดีวันนี้  ค่อนข้างแฮปปี้กับหมอมาก คุณหมอใจดี ถามอะไรก็ตอบดีมากๆ เอาประวัติเก่าทั้งหมดให้คุณหมอดู คุณหมอก็สั่งพยาบาลสแกนเก็บไว้

คุณหมอนัดตรวจเบาหวานอีกที 11 ส.ค.  ถึงแม้แม่จะมั่นใจว่าคงไม่เป็นเพราะไม่ได้กินหวาน และทานน้อย แต่หมอก็บอกไม่แน่หรอก เห็นผอมๆ บางคนยังเป็น

หมอบอกแม่น้ำหนักขึ้นโอเค ค่อนข้างเยอะแล้ว พอตั้งแต่ก่อนท้องยันคลอด ควรจะขึ้น 10-12 กก. นี่แม่ 7 เดือนปาเข้าไป 8-9 กก.แล้ว  สงสัยจะอยู่ที่แม่หมด เพราะน้ำหนักตัวหนูแค่ 988 กรัม ที่ทำการอัลตราซาวน์4มิติไปเมื่อวาน ท้องแม่ก็ยังไม่โต หมอบอกว่าเป็นเพราะแม่ไม่มีไขมันหน้าท้อง นี่ควรจะดีใจมั้ยเนี่ย

ถ่ายหน้าห้องหมอ



มีเรื่องตลกคือตอนไปที่เคาเตอร์พยาบาลแผนกสูติ แล้วบอกว่ามาพบหมอปรีชา พยาบาลถามว่ามาทำอะไร แม่บอกมาตรวจครรภ์  พยาบาลส่งกระป๋องเก็บฉี่ให้ บอกให้เอาไปเก็บปัสสาวะ ตรวจตั้งครรภ์  ตายแล้ว แม่ท้องเล็กถึงขนาดคนดูไม่ออกขนาดนี้เลยหรือเนี่ย แม่เลยบอกเค้าว่า ขอโทษทีคะพูดผิดมาฝากครรภ์ ย้ายมาจากรพ.อื่น

ไม่ได้ถ่ายรูปเต็มตัววันที่ไปหาหมอไว้ เพราะอาม่าพาแม่ไป พ่อไปทำงาน ลาไม่ได้ เอารูปที่ถ่ายวันใกล้เคียงมาให้ดูว่าท้องย่าง 7 เดือนแต่ถ้าใส่ชุดเข้มๆ ก็มองไม่ออกเหมือนกัน แม่ท้องเล็กมาก



รูปนี้ประมาณ 26 wks ถ่ายที่ทำงาน

Week 27 4D Ultrasound เห็นหน้าหนูแล้ว

วันอาทิตย์ที่ 15 ก.ค.2555 แม่ท้องครบ 26 wks 6 day แม่อยากเห็นหน้าหนูมากเลยไปสืบว่าอัลตราซาวน์ 4D ที่ไหนดีและไม่แพง (อันนี้สำคัญเพราะจะเก็บตังค์ซื้อของให้ลูก)   สุดท้ายลงเอยที่รพ.เสรีรักษ์ ที่มีนบุรี นัดเสร็จสรรพ ไปถึงโรงพยาบาลบ่าย2 แต่รอหมอทำคลอดและตรวจอีก 2 ชม. รอจนเบื่อ แต่ก็คุ้มกับที่รอ เพราะคุณหมอวรประภา ทำการซาวน์ให้อย่างละเอียด และใจเย็นมากๆ ตอนแรกหนูไม่หันหน้าเลย หันหลังให้ตลอด หมอบอกให้แม่เรียกชื่อลูก สุดท้ายหนูก็หันด้านข้างให้ เอามือทำไขว้หลังหัว ทำท่าสก๊อตจัมพ์ โอ้โห หนูหน้าเหมือนแม่ คุณหมอยังบอกเลย จมูกและปากและแก้มถอดแบบแม่มาเลยนะ  ใช้เวลาในการซาวน์กว่า50นาที มีแว๊บนึงที่หนูหันหน้าตรงแต่ถ่ายได้เบลอๆ 

ลงรูปอย่างเยอะเลย แม่กับพ่อเห่อมากๆ


Mommy is about to do 4D u/s



your face on the side


your leg



your face compared to mommy (so similar especially mouth and cheek)


เห็นหน้าเต็มๆแว๊บนึง



Finished the U/S แม่พุงอืดเลย



วันศุกร์ที่ 4 พฤษภาคม พ.ศ. 2555

เจาะน้ำคร่ำ (amniocentesis drawn)

วันศุกร์ 27 เม.ย.55 กำลังนั่งรถกลับจากทำงาน ศูนย์ผู้มีบุตรยากโทรมาบอกว่าผลเลือดตรวจความเสี่ยงดาวน์ออกแล้ว หมอให้นัดเข้ามาคุยเรื่องเจาะน้ำคร่ำ จิตตกเลย เพราะรู้ว่าผลเลือดคงออกมาไม่ดี เครียดไปเลยจริงๆนะ  หมดนัดอีกทีวันอาทิตย์ 29 เม.ย. เพราะวันเสาร์วันหยุดหมอ  เอกไปสัมมนาที่นครนายก เลยต้องตีรถกลับมา เพราะคงไม่ได้กลับบ้านกรุงเทพฯแล้ว

เช้าวันอาทิตย์ ไปรอหมอตั้งกะ 10 โมงตามนัด ไม่รู้ว่าต้องเจาะน้ำคร่ำวันนี้ เลยไม่ได้เตรียมตัวอะไรเลย
ยังแพ๊คกระเป๋าเตรียมไปค้างบ้านม๊า เพราะหยุดจันทร์ อังคาร  พยาบาลให้ไปนอนรอในห้องเลย บอกอีกนาน เพราะจะให้เจาะน้ำคร่ำเลยให้เป็นเคสสุดท้าย  รอกระสับกระส่ายถึงบ่ายโมงก็ยังไม่ได้ตรวจ เพราะวันนี้คนไข้เยอะจริงๆ เลยออกไปวีน ว่าจะไปให้ใครแซงแล้ว เพราะเห็นมีคนเพิ่งมาอีก 2 คน  ก็บอกว่าให้เค้ารอเรามั่งสิ ไม่ได้นานขนาดเป็นชั่วโมงซะหน่อย 



waiting for the operation


ได้เจอหมอ บ่ายโมงครึ่ง หมออธิบายให้ฟังว่าความเสี่ยงของเราสูงกว่าอายุเฉลี่ยที่ 35 ซึ่งประมาณ 1:350 แต่ของเรา 1:95  เราก็ควรเจาะให้รู้ไปเลย  อายุครรภ์ 16 wks เป็นเวลาที่เหมาะสม เพราะไม่ควรเจาะเกิน 20 wks  ก็ขึ้นเตียงห้องหมอเลย หมอซาวน์ดูน้องโดยละเอียด ตอนแรกน้องนอนไม่เห็นเพศ แต่ซักพักก็เห็นจู๋น้อยและก้น หมอบอกผู้ชาย 555 ก็รู้อยู่แล้ว เพราะซาวน์ครั้งก่อนตอน 13 wks หมอก็ฟันธงว่าน่าจะชาย แต่นี่คอนเฟิมด้วย ultrasound


ช้างน้อยลูก
 หมอดูตำแหน่งลูกแล้วขีดปากกาไว้ที่พุงว่าหมอจะเจาะตรงนี้นะ เพราะน้องอยู่ด้านซ้าย ระหว่างนั้นเอกถ่ายวีดีโอไว้ตลอด เราขอปิดหน้าไม่กล้าดู และกลัวมาก หมอบอกมือเย็นเจี๊ยบเลย หมอบอกทุกขั้นว่าฉีดยาชานะ แล้วก็เจาะแล้วนะ ดูดมา 2 หลอดโต (เอกบอก)  พุงจากที่ไม่มีอยู่แล้วก็ฟีบไปเลย ตอนที่ยาชาออกฤทธิแล้วหมอเจาะก็รู้สึกเสียวๆแต่ไม่เจ็บ  เมื่อเสร็จก็ซาวน์ดูน้องอีกที และเข็นไปห้องพัก หมอให้นอนโรงพยาบาล 1 คืนเพื่อให้แผลที่เจาะปิดสนิท และน้ำคร่ำไม่รั่ว


เจาะเข้าไปแล้ว


เข็นขึ้นห้องพัก

หมอบอกว่าให้ออกจากรพ.เย็นๆของอีกวันเลยนะ เอาให้ชัวร์ แต่เอกต้องไปทำงานวันจันทร์ เลยไปรับอาม่ามาเฝ้าแทน อาม่าบอกเหมือนมาพักผ่อนเลย เพราะนอนตลอด ส่วนเราแปลกที่นอนไม่หลับทั้งคืน นอนไป 2 ชั่วโมงเอง  ก่อนกลับหมอให้พยาบาลมาวัดเสียงหัวใจน้อง มีเรื่องน่าระทึก คือวัดเท่าไหร่ก็ไม่ได้ยินเสียงหัวใจ วัดสามรอบ จนเครื่องแบตหมด สุดท้ายพยาบาลไปตามรุ่นพี่พยาบาลมาวัด แล้วก็ได้ยินเสียงหัวใจลูกที 164 ต่อนาที  แม่เกือบจะใจสลาย ตอนไม่ได้ยินเสียงหัวใจลูก อาม่ากับพ่อก็ตกใจไปด้วย รักอาม่ามาก เพราะวันที่เราไม่สบาย ก็ได้เค้านี่แหละมาดูแล



อาม่ามาเฝ้า


 


วันอาทิตย์ที่ 22 เมษายน พ.ศ. 2555

2 Weeks Wait

หลังจากย้ายตัวอ่อนกลับบ้านคืนนั้นนอนไม่หลับเลย สามีเปิดหนัง Vampire Twilight ภาค3 ปะที่นางเอกท้องอะ  มันก็เครียดๆอยู่นะหนัง  เลยยิ่งนอนไม่หลับ จิตตกมาก ไม่รู้เป็นอะไร  กลางคืนปวดฉี่ตลอด ลุกเข้าห้องน้ำประมาณ 10 รอบ  สามีบ่นว่าคราวนี้ฟาวแน่ๆ สงสัยตัวอ่อนจะไม่อยู่กับเรา  ลุกบ่อยขนาดนี้ เพราะกลับมาบ้าน เค้าให้นอนพัก 2-3 วัน บางคนนอนโรงพยาบาลเลยนะ

เช้าวันรุ่งขึ้น รู้สึกอาการฉี่บ่อยยังไม่หาย แถมด้วยอาการปวดหน่วง เหมือนจะกระเพาะปัสสาวะอักเสบ เย็นนั้นเลยไปหาหมออายุรกรรม เอายาฆ่าเชื้อที่คนท้องกินได้มา ปวดแสบ ปัสสาวะขัด ทรมานมากๆๆๆ
คิดว่ากรรมอะไรนักหนาของเรา  อาการกระเพาะปัสสาวะอักเสบดีขึ้นหลัง 2 วัน  ระหว่างวันที่เราหยุด สามีไปทำงาน ก็ต้องหาอะไรอุ่นกินเอา สรุปไม่ได้นอนเฉยๆหรอก 


นอนซมป่วยตลอด

หยุดไป 3 วันก็ไปทำงานปกติ แต่พยายามเดินให้น้อยที่สุด  ครบ 1 week ป่วยเป็นหวัด นั่งน้ำมูกไหลทั้งวัน จนต้องไปหาหมอ หมอให้ยาแก้แพ้ที่คนท้องกินได้  Day 8 หลังย้ายตัวอ่อนมีเลือดสีน้ำตาลออกมาเต็มแผ่นแคร์ฟี ไหลออกมาพร้อมไอ้ยาเหน็บ Cyclogest ที่แสนจะน่ารำคาญ เฉอะแฉะนี่แหละ  แต่เลือดออกแค่ตอนนั้นแล้วก็ไม่มีอีกนะ   อาการหวัดก็ยังไม่หาย ไอแล้วก็อ๊วกอีกต่างหาก  กรรมซ้ำกรรมซ้อนจริงๆ เลยตู  แต่เราเป็นคนที่พอมีอะไรสำคัญจะต้องไม่สบายหนักทุกที เช่นตอนจะไปเรียนต่อโทที่อเมริกา 3 วันก่อนบิน โดนไข้หวัดใหญ่เล่นงาน ต้องฉีดยาเลย เป็นหนักมาก เสียงไม่มีเลย   หรือวันก่อนแต่งงาน ก็เป็นหวัด น้ำมูกไหล ไอ จาม



ไปหาหมอขอยาแก้หวัด
 ลุ้นต่อไปอีก 1 อาทิตย์ อาทิตย์หน้าก็จะถึงวันนัดเจาะเลือดฟังผลว่าท้องไม่ท้องแล้ว

Transferring Embryos

และแล้วก็ถึงกระบวนการที่รอคอย คือการย้ายตัวอ่อนกลับเข้าสู่โพรงมดลูก แล้วรอลุ้นท้อง ไม่ท้อง
พอรอบเดือนของเดือนม.ค.2012 มาวันที่ 2 ก็โทรนัดหมอ เข้าไปเจาะเลือด (ตั้งแต่ทำ IVF มาโดนเจาะเลือดไปเกือบ 10 รอบแล้ว) เสร็จแล้วหมอก็ให้ยา Progynova มากินวันละ 4 เม็ด เพื่อกระตุ้นเยื่อบุให้หนานุ่มรองรับตัวอ่อน พยายาลบอกยานี้กินไปจนท้องเลย ช่วงนี้ก็นัดพบหมอบ้างเพื่อ U/S ดูเยื่อบุว่าหนาพอหรือยัง ตอบสนองต่อยาดีหรือเปล่า  ของเราก็ถือว่าปกติ หนาดี หมอว่า  จากนั้น 5 วันก่อนย้ายตัวอ่อน มียาเหน็บช่องคลอดมาเพิ่ม ชื่อยา Cyclogest เหน็บเช้าเย็น ยาเป็นกระสุนเคลือบขี้ผึ้ง ซึ่งไอ้ยาตัวนี้แหละ ทำเราเจ็บแสบนัก ไว้จะเล่าให้ฟัง

หมอนัดย้ายตัวอ่อนในวันอาทิตย์ที่ 29 ม.ค. 2012 (2555) 6 โมงเช้า ก่อนไปทะเลาะกับสามียกใหญ่ เพราะเค้าช้า เราก็กลัวจะไม่ทัน  นั่งรอลุ้น ตื่นเต้น กระสับกระส่ายมาก เพราะเป็นวันที่สำคัญมากๆที่สุดของกระบวนการ    ก่อนเข้าห้องให้กินน้ำแล้วกลั้นปัสสาวะไว้ เพื่อให้กระเพาะปัสสาวะกดทับมดลูก เวลา U/S หมอจะได้เห็นมดลูกชัดๆ จะได้ใส่ตัวอ่อนง่ายๆ 

กว่าจะได้เรียกเข้าห้องผ่าตัดก็ปาเข้าไป 8 โมง เพราะหมอต้องละลายตัวอ่อนที่ฟรีซไว้ก่อน  พอเข้าไปในห้องผ่าตัด รู้สึกว่าแอร์หนาวมากๆ และปวดฉี่มาก เพราะกลั้นปัสสาวะไว้ตั้งแต่ 6 โมง  เจอหมอ หมอบอกว่าหมอจะใส่เข้าไป 3 ตัวอ่อนนะ (ลืมถามว่ามาจากไหนอะตัวที่ 3 มาถามทีหลังหมอบอกมีตัวที่เลี้ยงไว้อีกตัวมันลุกขึ้นมาสู้ เลยแถมใส่เข้าไปด้วย)  ถามหมอว่าตัวอ่อนที่ละลายออกมารอดหมดมั้ย หมอบอกดูไม่ออก ต้องรีบใส่เข้าไปก่อน  ขั้นตอนนี้ ไม่ต้องฉีดยาสลบ รู้ตัวตลอดเวลา เหมือนเป่าลมอะไรเย็นๆเข้าไป แล้วหมอก็บอกเสร็จแล้ว พยาบาลปริ้นรูป U/S ให้ดูเป็นจุดๆ ในมดลูกว่าเนี่ยแหละตัวอ่อนที่ใส่เข้าไป  พยายาลสวนปัสสาวะออกให้แล้วเข็นขึ้นห้องพักฟื้น ห้ามลุกจากเตียง 2 ชม. ถ้าปวดฉี่ให้เรียกพยาบาลเอาโถมาฉี่บนเตียง




U/S ที่พยาบาลปริ้นมาให้ดู

ตอนอยู่ที่ห้องพักฟื้น รอลุ้นเมื่อไหร่จะผ่าน 2 ชั่วโมงน้า ผ่านปุ๊บ ปวดอึทันที ข้าศึกบุกกะทันหัน ลุกไปเข้าห้องน้ำ แล้วก็แอบกลัวว่าจะอึเอาตัวอ่อนออกมารึเปล่าว้า  นอนไปจนถึง 5 โมงเย็นก็ชวนสามีกลับบ้านไปหาอะไรกินก่อน  ไปนั่งกินสีลมสเตีกที่ศรีชานะ แม่บอกให้กินปลาเยอะๆ ก็เลยกินสเต๊กปลาแซลมอน 




นอนกลั้นใจ ปวดอึ แต่ห้ามลุกจากเตียง เพราะยังไม่ถึง2ชม.



เอกมาให้กำลังใจรอเฝ้าอยู่


Egg Collection Stage

หลังจากที่ฉีดยากระตุ้นไข่ เป็นแม่ไก่กกไข่ เราได้ไข่มา 11 ฟอง (U/S 4 วันก่อนเก็บไข่)  ถือว่าน้อย หมอบอกบางคนได้ถึง 30 ฟองก็มี แต่อายุเราก็เยอะแล้ว คงหวังมากไม่ได้  แค่นี้ก็โอเคแล้ว

หมอนัดเก็บไข่วันอาทิตย์ที่ 27 พย.2011 (2554)  6 โมงเช้า ต้องงดอาหาร งดน้ำก่อนด้วย เนื่องจากต้องเข้าห้องผ่าตัด และฉีดยาสลบ  ไปนอนรอหมอตั้งแต่ 6 โมงเช้าแต่ได้เข้าห้องผ่าตัดประมาณ 7.30น.




Sleepy and hungry




ติด tag เค้าจะได้เข็นเข้าห้องถูก พักฟื้นห้อง 906


พอ 7.30น. พยาบาลเรียกเข้าห้องผ่าตัด เข้าไปก็โดนให้น้ำเกลือ เจาะผ่านทางหลังมือซ้าย หมอวิสัญญีมาฉีดยาสลบเข้าไปในที่เจาะสายน้ำเกลือ รู้สึกแสบไปทั้งแขนซ้ายตอนยาเดิน แล้วก็สลบไปไม่รู้เรื่อง

ตื่นขึ้นมาอีกที พยาบาลปลุกให้ตื่นบอกว่าเรียบร้อยแล้ว แต่เรายังมึนๆ ลืมตาไม่ขึ้น ซักพักเค้าก็เข็นเราไปห้องพักคนไข้ข้างบน ไปถึงก็กินใหญ่เลย เพราะหิวมาก 



หลักฐาน กินไม่หยุดเลย


เราอยู่ห้องพักถึงบ่าย 2 ก็กลับแล้ว เพราะไม่เจ็บ ไม่รู้สึกอะไรเลย แข็งแรงมาก (เว่อร์) เดินลงไปที่ศูนย์ผู้มีบุตรยากเองเลย เค้าตกใจบอกทำไมไม่โทรบอก จะเอารถเข็นไปรับ

กลับบ้านดีกว่า   หลังจากนั้น 3 วันอีเมลไปถามคุณหมอ ซึ่งคุณหมอสุชาดาใจดีมากตอบทันที ว่าเราเก็บไข่ได้ทั้งหมด 13 ฟอง แต่ใช้ได้จริงแค่ 9 ฟอง เพราะที่เหลือขนาดเล็กไปหรือฝ่อไปบ้าง  หมอเอาไข่ 9 ฟองมาผสมกับเชื้อ แต่รอดมาเป็นเซลล์แค่ 4 ตัว นอกนั้นตายหมด แบ่งเป็น 2 กลุ่ม เกรด B 2 ตัว และเกรด C 2 ตัว ซึ่งเกรด C หมอจะไม่เอามาย้ายเพราะโอกาสติดน้อย  สรุปเราเหลือโอกาสแค่ครั้งเดียวคือไอ้เกรด B ชุดแรกเนี่ยแหละ เฮ้อ เหนื่อยใจเลย เกรด A ก็ไม่มีเลย  คนอื่นเค้าได้กันเป็น 3-4 ชุด freeze ไว้ ถ้าไม่ท้องก็ย้ายตัวอ่อนไปเรื่อยๆ  คุณหมอกรุณาส่ง youtube ภาพเซลล์ตัวอ่อนมาให้ดูด้วย แต่เราก็ดูไม่เป็นหรอก ไว้จะเอามาแปะให้ดูนะ

ระหว่างนี้ก็พักไป 2 เดือนก่อนเพื่อจะทำการย้ายตัวอ่อน เพราะร่างกายโดนกระตุ้นจากการฉีดยากระตุ้นไข่เยอะ เค้าให้เราปรับสภาพให้ปกติ เพื่อเตรียมย้ายตัวอ่อน ปลายเดือนม.ค. 2012

Entering IVF process

(โพสต์นี้เราเขียนย้อนหลัง เพื่อเป็นประโยชน์กับคนที่มีบุตรยากเหมือนเรา)

หลังจากแต่งงานมา 4 ปีโดยไม่เคยคุมกำเนิด แต่ความพยายามในการมีลูกก็ยังไม่สำเร็จ จริง ๆ สงสัยตั้งแต่แต่งปีแรกแล้ว เพราะนับวันไข่ตกมาตลอด ก็ไม่ท้อง ว่าคู่เราจะเข้าข่ายมีบุตรยาก แต่ก็มีแต่คนบอกว่ารอไปก่อน เพิ่งจะปีเดียว ก็รอกันไป กว่าจะรู้ตัวก็ปาเข้าไป 4 ปี อายุเราก็จะเข้า 35 ถ้าไม่มีคงไม่คิดจะมีแล้ว  เลยจูงมือกันไปปรึกษาหมอ

เริ่มไปนวบุตร หมอแนะนำให้ฉีดเชื้อ (IUI) เพราะเชื้อสามีอ่อนมาก แต่มดลูกเราปกติดี เอ้าก็ลองดู เค้าบอกโอกาสติด 15% ก็เลยไม่หวังมาก ตกลงกับสามีว่าจะฉีดเชื้อครั้งเดียว ถ้าไม่ติดทำเด็กหลอดแก้วเลย แล้วก็ไม่ติดจริงๆด้วย



หมอนเรศร์กำลังเตรียมสเปิร์มที่ผ่านการคัดเลือกเพื่อฉีดเข้าโพรงมดลูก

   
Bed rest for 1 hour after IUI

ผ่านไป 6 เดือน รู้สึกว่าการไปนวบุตรที่กรุงเทพ คงไม่ไหว เหนื่อยเดินทาง เพราะต้องหาหมอบ่อย ควรจะหาอะไรที่ใกล้บ้าน ตัดสินใจเข้าไปที่ศูนย์ผู้มีบุตรยากพญาไทศรีราชา (คุณหมอสุชาดา) ตรวจกันอีกรอบนึง คราวนี้ตรวจละเอียด วิเคราะห์น้ำเชื้อฝ่ายชาย ส่วนเราก็โดนเจาะเลือด Ultrasound มดลูก ฉีดสีท่อนำไข่  ที่ทรมานที่สุดก็เห็นจะเป็นฉีดสี เพราะกว่าจะใส่เครื่องมือเข้าไปได้ แถมยังปวดท้องอีก 2 วันพร้อมกับมีเลือดออกหลังฉีดสี  สรุปว่าเราไม่ได้เป็นอะไรเลย แต่เชื้อสามีอ่อนแอมาก หมอบอกว่าคู่เรายังไงก็มีลูกกันเองไม่ได้ ต้องทำเด็กหลอดแก้ว โอกาส 50%  นั่นเหมือนจะเป็นทางเลือกสุดท้ายเพราะอายุตอนนั้นก้ 34 ปี เราก็เริ่มเลยละกันหมอ  


เข้าสู่กระบวนการ IVF

กระบวนการทำเด็กหลอดแก้วหรือที่เรียกกันว่า ICSI หรือ IVF เป็นการนำไข่กับเชื้ออสุจิมาผสมกันในหลอดทดลอง รอให้แตกตัวเป็นตัวอ่อนหรือที่เรียกว่า Blastocyst ในระยะ 5 วัน แล้วใส่กลับเข้าไปในโพรงมดลูก  คราวนี้ก็เป็นโชคส่วนบุคคลแล้วว่าตัวอ่อนจะฝังตัวเจริญเติบโตต่อไปมั้ย นั่นก็คือท้องหรือไม่ท้อง

เริ่มต้นเดือนพ.ย.2011 พอประจำเดือนมาวันที่ 2 ก็ไปหาหมอ หมอให้ยาฮอร์โมนกระตุ้นไข่ เพื่อให้มีไข่หลายๆฟอง ฉีดเข้าหน้าท้องทุกคืนเวลาเดียวกันเป็นเวลา 5 วันมั้ง  เราเลือกที่จะเอายากลับมาฉีดเองเพราะขี้เกียจไปโรงพยาบาลทุกวัน

จากนั้นเปลี่ยนยาเป็นอีกตัว ฉีดไปอีก 3-4 วัน ยาตัวนี้ฉีดเสร็จแล้วรอบๆที่ฉีดจะแดงแสบไปซักพัก

แล้ว2วันก่อนเก็บไข่ ก็ไปให้พยายาลฉีดยาให้ไข่ตกตามเวลา อันนี้ฉีดเข้าสะโพก ต้องให้พยาบาลฉีด เข็มยาวมากๆๆๆ  เจ็บถึงทรวง


ทรมานเพื่อลูก



เดี๋ยวไปต่ออีก post นะเรื่องของขั้นตอนการเก็บไข่และรอย้ายตัวอ่อน (โปรดติดตามตอนต่อไป)



วันเสาร์ที่ 21 เมษายน พ.ศ. 2555

14 weeks Pregnancy

ตอนนี้อายุครรภ์ 14 weeks แล้ว อาการปวดท้องหน่วงๆ ปวดแบบเหนื่อยๆมดลูกบอกไม่ถูก ก็ยังปวดอยู่ อาการฉี่บ่อย ก็ฉี่น้อยลงนิดนึง เริ่มกินได้มากขึ้น จากตอน 12 weeks แรกที่ไม่อยากกินอะไร เบื่ออาหารและน้ำหนักลด  แต่น้ำหนักยังไม่เพิ่มจากตอนก่อนท้อง




U/S picture at 12 weeks with baby's heartbeat




Ultrasound at Dr.Suchada's office


My belly at 14 weeks