วันอาทิตย์ที่ 9 กุมภาพันธ์ พ.ศ. 2557

เมื่อลูกเป็นเด็กขี้แพ้ และนมแม่

(เขียนย้อนหลัง)

หลังคลอด เราลาคลอด 2.5 เดือน เลี้ยงลูกอยู่ที่บ้านแม่ 2 เดือนแรกผ่านไปด้วยดี ลูกทานนมแม่ล้วน มีปัญหาบ้างจากที่นมเป็นไตแข็ง ต้องไป u/s สลายก้อนไต และโดนหมอบีบ เจ็บยิ่งกว่าคลอดลูกอีก ตอนโดนหมอบีบให้ก้อนมันสลาย  (หาหมอแผนกกุมารเวชที่ BNH ตามที่ในเน็ตแนะนำ) เคยท้อจะเลิกให้นมแม่ อยากกินยาหยุดให้นม แต่สุดท้ายก็ผ่านมาได้ด้วยดี  หลังมีเทคนิค ได้คำแนะนำจากคนที่มาอยู่ไฟให้ปั๊มนมสม่ำเสมอ เป็น routine มากขึ้น ตอนกลางคืนก็ตื่นมาปั๊มไม่งั้นนมแข็งปั๋ง ทรมานมาก น้ำนมสต๊อกเริ่มเยอะเก็บเต็มตู้ช่อง freezer  เราเครียดมากเวลาอ่านบล๊อกแล้วมีคำแนะนำให้นมจากเต้า ไม่งั้นลูกจะติดขวดแล้วไม่ดูดเต้า   แต่สุดท้ายเราก็ตัดสินใจว่าทำอะไรที่เราทำแล้วสบายตัว สบายใจดีกว่า เลยให้นมจากเต้าสลับขวด  (ขวดจะเยอะกว่าด้วยซ้ำ คือปั๋มใส่ขวดให้ลูกดูด)


ปัญหาที่ตามมาหลัง 3 เดือนคือลูกมีผื่นขึ้นตามตัว และชอบเกาขา เกาตัวจนเลือดออก เราก็ทำทุกวิถีทาง เปลี่ยนผ้าปูที่นอนใหม่หมด รักษาความสะอาดทุกอย่าง แต่สุดท้ายก็ไม่หาย เลยค้นหาหมอในเน็ทและมาลงเอยที่คุณหมอวิทยา พญาไท3+บำรุงราษฏร์ เป็นหมอเด็กเชี่ยวชาญด้านภูมิแพ้  
ผื่นและรอยเกาตามตัว (อายุ3เดือน)

สภาพผิวหน้าลูกตอนตื่น

ไปหาหมอวิทยาครั้งแรกตอนลูกอายุเกือบ 4 เดือนแล้ว หมอดูจากผื่น รอยเกาแล้วซักประวัติ สุดท้ายหมอสงสัยว่าน่าจะเกิดจากฝุ่นก่อสร้าง ที่บ้านแม่เราข้างหน้าบ้านก็กำลังก่อสร้าง renovate ข้างๆ บ้านก็กำลังสร้างตึก หลังบ้านก็เจาะทำครัวใหม่  สรุปรอบด้านจริงๆ แต่เรากลับไม่เคยคิดถึงมาก่อนว่าจะเป็นสาเหตุให้ลูกเป็นแบบนี้ หมอแนะนำว่าให้ย้ายลูกออกจากที่อยู่ตอนนี้ให้เร็วที่สุด และให้ยาแก้แพ้ + Eucerin ฝาน้ำเงิน + ครีมอาบน้ำ Cetaphil Skin restoring body wash  หลังหาหมอและใช้ยาได้2วัน (แต่ยังอยู่ที่เดิม เพราะไม่รู้จะย้ายไปไหน) ลูกอาการดีขึ้นอย่างเห็นได้ชัด ผิวใสกริ๊บเลย หมอวิเคราะห์เก่งมากๆ  

หลังทานยาและทายาหมอวิทยา สภาพหน้าใสกริ๊ก เหลือแต่รอยสะเก็ดที่แห้งไปเอง


อ้อ และหมอเลยถือโอกาสทำ skin test แบบวิธีเข็มสะกิด หมอจะหยดจากขวดตัวที่สงสัยว่าจะแพ้ ของออสตินเทส ไข่ขาว ไข่แดง นมวัว wheat flour etc. จำไม่ได้แล้ว แต่ขึ้นว่าแพ้ไข่ขาวตัวเดียว  ก็เลยต้องระวังและไม่ให้กินไข่ขาวด้วย ณ ตอนนั้นลูกยังกินนมแม่ล้วนอยู่ เพราะจะเริ่มให้อาหารหลัง6 เดือนเลยยังไม่มีปัญหา



รูปหลังทำ skin prick test ตุ่มแดงที่ขึ้นคือไข่ขาว




วันพฤหัสบดีที่ 6 กุมภาพันธ์ พ.ศ. 2557

ผ่าคลอด ได้เห็นหน้าลูกครั้งแรก

(เขียนย้อนหลัง ตอนนี้ลูก1ขวบ4เดือนแล้ว)

คืนก่อนวันนัดผ่าคลอด ตามฤกษ์คือผ่าวันที่ 6 ต.ค.2555 เวลา 9.09น. เค้าให้งดน้ำ งดอาหารหลังเที่ยงคืน ตอนก่อนเที่ยงคืนนิดหน่อยเกิดหิวเ
ดินลงบันได้ไปหานมกิน รู้สึกเหมือนมีอะไรไหลมาจากช่องคลอด เหมือนตอนเมนส์มาวันแรก ไหลนิดๆ เลยรีบขึ้นไปบนห้องดู ปรากฎว่าเป็นมูกเลือด ตกใจนิดหน่อยแต่ไม่มาก เพราะศึกษามาพอสมควรถึงอาการใกล้คลอด ก็เลยโทรหาพยาบาลห้องคลอดที่รพ.บำรุงราษฎร์ พยาบาบอกว่าไม่เป็นไร ให้มาพรุ่งนี้6โมงเช้าตามนัด ก็เลยนอน แต่นอนไม่หลับเลย มดลูกบีบตัวเป็นระยะ แต่ยังไม่ถี่ จดไว้ตลอด

Last bump before delivery (คืนก่อนผ่าคลอด)

ตอนเช้าตื่นมา รีบอาบน้ำ สระผมไปรพ. หัวเปียกๆไปเลย เพราะกลัวว่าจะไม่ได้สระผมหลังคลอด  ไปถึงรอสักพัก พยาบาลมาซักประวัติ สวนก้น โกนขนตรงนั้น พอได้เวลาก็เข็นเข้าห้องผ่าคลอด เจอคุณหมอวิสัญญี ชวนคุยตลอด ใจดีมาก แล้วคุณหมอปรีชา (หมอที่เราฝากคลอด) และมีหมอพันธ์ศักดิ์ (พิธีกรรายการชูรักชูรส มาเป็นหมอผู้ช่วย) หมอทั้งสามคุยกันตลอดระหว่างผ่า ซึ่งเรารู้สึกตัวตลอด เลยรู้สึกไม่กลัวเท่าไหร่ แต่ก็ตื่นเต้นตลอด อยากเห็นหน้าลูกไวๆ

หมอปรีชาบอกว่าลูกเราออกมาตัวเล็กแน่ๆ ดูจากท้องเล็ก พอได้ฤกษ์ลงมีด แป๊ปเดียวก็ได้ยินหมอพูดว่าออกมาแล้ว อึกองเบ้อเร่อเลย แล้วก็บอกว่าตัวใหญ่ ไม่เล็กนะ ได้ยินเสียงลูกร้อง น้ำตาไหลเลย แบบว่าที่รอคอยมาตลอด เฝ้าระวัง กังวล กลัวไปสารพัด กลัวจะออกมาไม่สมบูรณ์ กลัวลูกเป็นอะไรไปก่อน ฯลฯ มันเป็นความสบายใจปนดีใจอย่างบอกไม่ถูก โล่งใจด้วยที่ออกมาครบ32 ปลอดภัย บอกสามีว่าตามพยาบาลไปนะ ตอนพยาบาลเข็นลูกออกไป กลัวโดนสลับ ถามสามีคำถามแรกเลยว่าลูกขาวมั้ย ฮ่าๆ ก็อยากให้ขาวๆนะ อุตส่าห์อดทนกินจับซาไท้เป้า

first family photo



รูปที่เข็นออกจากห้องคลอดเข้าตู้อบเพื่อปรับอุณหภูมิ


หมอวิสัญญีถามว่าจะฉีดยาสลบให้นะ จะได้พัก เราโอเค เพราะไม่ได้นอนทั้งคืนเลย หลับไปพักนึง เข็นออกมาดูอาการ พยาบาลเอาลูกมาให้ดูดนม skin to skin เราไม่มีแรงลุกเลย หน้าซีดมาก สามีบอกว่าเลือดพุ่งตอนตัดสายรก นี่แหละสายเลือดแห่งความผูกพันแม่ลูก วันนั้นทั้งวันไม่อยากรับแขก บอกเพื่อนๆว่ามาเยี่ยมได้วันพรุ่งนี้เป็นต้นไปนะ ให้แต่พ่อกับแม่เรามาตอนเย็น

วันพุธที่ 12 กันยายน พ.ศ. 2555

Counting down

ถึงวันนี้ก็ตั้งท้องได้ 35 wks 3 days แล้วสินะ นับกันจริงๆก็อีก 25 วันถึงกำหนดนัดผ่าคลอด  จองคิวผ่ากับคุณหมอปรีชาไว้วันเสาร์ 6 ตค. 2555 ก่อน 9โมงเช้า ตามที่ตกลงกันได้ ว่าเด็กเกิดปีมะโรง วันเสาร์ถึงจะดี   มีแต่คนงงว่าทำไมไม่รอคลอดธรรมชาติ ซึ่งตามกำหนดควรจะเป็น 15 ตค.  แต่เราก็ไม่อยากรอหนิ จะได้เจ็บทีเดียว ไม่ต้องรอปวดท้อง



อีกไม่นานแล้วสินะ เราจะได้เจอกันแล้ว แม่กับพ่อแอบตื่นแต้นและนับถอยหลังทุกวันเลย แม่มาทำงานทุกวันก็ดูปฏิทินทุกวัน ไม่ได้ดูว่าจะลาคลอดเร็วๆ เพราะขี้เกียจทำงาน แต่อยากให้ลูกน้อยออกมาเร็วๆ จะได้เห็นหน้ากันและรู้ว่าลูกแข็งแรง อยู่ในท้องบางทีที่ลูกดิ้นน้อย แม่ก็กังวล หรือแม้แต่แม่เป็นอะไร ท้องผูก บิดตัว เดินทางเยอะ เหนื่อยก็กังวลไปสารพัดว่าลูกจะเป็นยังไง

ย่างเข้าสู่เดือนที่ 9 นี่มีแต่คนเริ่มทักว่าท้องใหญ่ เพิ่งจะมาทักกันก็เดือนสุดท้ายนี่แหละ แล้วแม่ก็เริ่มมีอาการเท้าบวม มันบวมมากๆ ตอนนี้รองเท้าส้นเตี้ยที่ซื้อมาใส่ได้อยู่คู่เดียวเอง เพราะซื้อไว้หลวม ไม่น่าเชื่อเลยจริงๆ   ถามหมอๆบอกว่าเป็นเพราะปริมาณโปรตีนในเลือดน้อย แม่เลยเท้าบวม แต่ส่วนใหญ่จะบวมเท้าซ้ายนะ เหมือนลูกเอียงมาอยู่ด้านซ้ายซะเยอะ



Swollen feet


กอเหนือกลับจากอเมริกามาแล้ว เอาของหมีพูที่แม่สั่งไว้จาก web Wal-mart มาให้แล้วเป็นกระเป๋าใส่ขวดนมและผ้าอ้อม (Daiper bag)  ซีดีเพลงหมีพู และหนังสือหมีพู เอาไว้ให้ลูก   ดีใจจังเลย แม่จะสอนให้ลูกชอบหมีพูเหมือนแม่ ก็หมีพูมันน่ารักหนิหน่า






ถึงวันนี้แม่ก็ตัวบวมขึ้นทุกวัน เมื่อวันจันทร์ 10 กย. ไปเจอเพื่อนๆ พี่เอ้ เสี่ยเกมส์มา พี่เอ้ก็ทักว่าบวมมาก ไม่ได้เห็นนานก็พูดแบบนี้แหละ ดูรูปเป็นหลักฐาน เออ บวมจริงๆด้วย




วันพฤหัสบดีที่ 30 สิงหาคม พ.ศ. 2555

8 months pregnant

ตอนนี้ก็ 33 wks 4 day แล้วณ วันที่ 31 ส.ค. กำหนดคลอดต้นต.ค. ตอนนี้กำลังเลือกกันอยู่ระหว่างแม่สามีและแม่เราว่าจะผ่าคลอดวันไหนดี สรุปแล้วเหมือนว่าจะเป็น 6 ต.ค. 2555


Mommy at 32 wks


อาทิตย์ที่แล้ว ทำงานเหนื่อยมากๆที่สุด เพราะต้องไปกรุงเทพ เช้าเย็นกลับ รถก็ติด แถมวันต่อมาก็มีสัมมนาที่พัทยา รู้สึกลูกดิ้นน้อยมากๆ กลางคืนพฤหัสถึงศุกร์เที่ยง ดิ้นนับได้2ครั้งมั้ง วันศุกร์เที่ยงเลยไป consult หมอสูที่ รพ.พญาไท ศรีราชา ชื่อหมอชาญชัย สุมณวงษ์ หมอคนนี้ดีมาก อธิบายละเอียด ให้เราทำอัลตร้าซาวน์ ได้เห็นหน้าลูก2มิติ เพราะหันมาพอดี เสียดายหมอไม่ได้ปริ้นหน้าให้
หมอ recommend ให้ทำ NST (Non-Screen test)  เพื่อจับจังหวะหัวใจและการดิ้นของลูก เพราะเราสงสัยเรื่องลูกดิ้นน้อย ทำเอาพ่อเป็นห่วงใหญ่ แต่ผลออกมาก็ปกติดี  ตอนนี้ลูกหนัก 1800 กรัมแล้ว ตัวใหญ่แล้วนะเนี่ย


During NST



วันเสาร์ 25 ส.ค.ก็ไปพบหมอปรีชาที่บำรุงราษฎร์ ก็ไม่มีอะไร หมอบอกขายังไม่บวม แต่พอกลับบ้านมาเสาร์นั้น แม่เท้าบวมมาก แล้วก็บวมทุกวันจนวันนี้  หมอบอกว่านัดอีกที 8 กย. แล้วก็ 29 กย.เลย เพราะหมอไปต่างประเทศ 15-22กย. แล้วถ้าแม่เกิดจะคลอดก่อนก็จะต้องทำคลอดกับหมอนพดล สโรบลแทน ซึ่งเป็นทีมแพทย์ของคุณหมอปรีชา 

ตอนนี้ก็เริ่มกังวล กลัวไปสารพัดว่าน้ำจะเดินก่อน จะคลอดก่อน เพราะคนรอบข้างก็เหมือนจะมีปัญหาน้ำเดิน คลอดก่อนกัน



waiting for doctor
Dr.Preecha at BH Hospital

อาการแม่ที่ทำงานเริ่มเหนื่อยง่าย หายใจลำบาก บางทีก็เจ็บซี่โครงตรงยอดอก เพราะมดลูกใหญ่ขึ้นและดันขึ้นมา  คนที่ทำงานเพิ่งจะมาเริ่มทักว่าท้องใหญ่ก็ปาเข้าไปเดือนสุดท้าย  แม่คงท้องเล็กจริงๆ 


Tummy at around 7 months


เมื่อวันอาทิตย์ 26 ส.ค.แม่ไปอบรมเกี่ยวกับการคลอดที่รพ.บำรุงราษฎร์กับพ่อด้วย ก็เป็นคอร์สบรรยายเกี่ยวกับอาการเจ็บท้องคลอด แนะนำห้องคลอดและเนิร์สเซอรี่ของทางรพ. 

วันพุธที่ 18 กรกฎาคม พ.ศ. 2555

ฝากท้องกับหมอปรีชา ที่รพ.บำรุงราษฎร์ ครั้งแรก

วันจันทร์ที่ 16 ก.ค. 2555 แม่เปลี่ยนไปฝากท้องกับคุณหมอปรีชา เหมชะญาติ ซึ่งเป็นหมอที่ผ่าคลอดให้พี่แอน แฟนอากู๋หนุ่ย หลังจากที่ผิดหวังกับการไปหาหมอที่อีกโรงพยาบาลนึงแล้วพยาบาลหน้าไม่รับแขก พูดจาไม่ดี แถมยังโทรมาเลื่อนนัด ก่อนหน้านี้อยู่ในความดูแลของหมอสุชาดา รพ.พญาไทศรีราชา ที่เป็นคนทำเด็กหลอดแก้วให้  ครบ 27 สัปดาห์พอดีวันนี้  ค่อนข้างแฮปปี้กับหมอมาก คุณหมอใจดี ถามอะไรก็ตอบดีมากๆ เอาประวัติเก่าทั้งหมดให้คุณหมอดู คุณหมอก็สั่งพยาบาลสแกนเก็บไว้

คุณหมอนัดตรวจเบาหวานอีกที 11 ส.ค.  ถึงแม้แม่จะมั่นใจว่าคงไม่เป็นเพราะไม่ได้กินหวาน และทานน้อย แต่หมอก็บอกไม่แน่หรอก เห็นผอมๆ บางคนยังเป็น

หมอบอกแม่น้ำหนักขึ้นโอเค ค่อนข้างเยอะแล้ว พอตั้งแต่ก่อนท้องยันคลอด ควรจะขึ้น 10-12 กก. นี่แม่ 7 เดือนปาเข้าไป 8-9 กก.แล้ว  สงสัยจะอยู่ที่แม่หมด เพราะน้ำหนักตัวหนูแค่ 988 กรัม ที่ทำการอัลตราซาวน์4มิติไปเมื่อวาน ท้องแม่ก็ยังไม่โต หมอบอกว่าเป็นเพราะแม่ไม่มีไขมันหน้าท้อง นี่ควรจะดีใจมั้ยเนี่ย

ถ่ายหน้าห้องหมอ



มีเรื่องตลกคือตอนไปที่เคาเตอร์พยาบาลแผนกสูติ แล้วบอกว่ามาพบหมอปรีชา พยาบาลถามว่ามาทำอะไร แม่บอกมาตรวจครรภ์  พยาบาลส่งกระป๋องเก็บฉี่ให้ บอกให้เอาไปเก็บปัสสาวะ ตรวจตั้งครรภ์  ตายแล้ว แม่ท้องเล็กถึงขนาดคนดูไม่ออกขนาดนี้เลยหรือเนี่ย แม่เลยบอกเค้าว่า ขอโทษทีคะพูดผิดมาฝากครรภ์ ย้ายมาจากรพ.อื่น

ไม่ได้ถ่ายรูปเต็มตัววันที่ไปหาหมอไว้ เพราะอาม่าพาแม่ไป พ่อไปทำงาน ลาไม่ได้ เอารูปที่ถ่ายวันใกล้เคียงมาให้ดูว่าท้องย่าง 7 เดือนแต่ถ้าใส่ชุดเข้มๆ ก็มองไม่ออกเหมือนกัน แม่ท้องเล็กมาก



รูปนี้ประมาณ 26 wks ถ่ายที่ทำงาน

Week 27 4D Ultrasound เห็นหน้าหนูแล้ว

วันอาทิตย์ที่ 15 ก.ค.2555 แม่ท้องครบ 26 wks 6 day แม่อยากเห็นหน้าหนูมากเลยไปสืบว่าอัลตราซาวน์ 4D ที่ไหนดีและไม่แพง (อันนี้สำคัญเพราะจะเก็บตังค์ซื้อของให้ลูก)   สุดท้ายลงเอยที่รพ.เสรีรักษ์ ที่มีนบุรี นัดเสร็จสรรพ ไปถึงโรงพยาบาลบ่าย2 แต่รอหมอทำคลอดและตรวจอีก 2 ชม. รอจนเบื่อ แต่ก็คุ้มกับที่รอ เพราะคุณหมอวรประภา ทำการซาวน์ให้อย่างละเอียด และใจเย็นมากๆ ตอนแรกหนูไม่หันหน้าเลย หันหลังให้ตลอด หมอบอกให้แม่เรียกชื่อลูก สุดท้ายหนูก็หันด้านข้างให้ เอามือทำไขว้หลังหัว ทำท่าสก๊อตจัมพ์ โอ้โห หนูหน้าเหมือนแม่ คุณหมอยังบอกเลย จมูกและปากและแก้มถอดแบบแม่มาเลยนะ  ใช้เวลาในการซาวน์กว่า50นาที มีแว๊บนึงที่หนูหันหน้าตรงแต่ถ่ายได้เบลอๆ 

ลงรูปอย่างเยอะเลย แม่กับพ่อเห่อมากๆ


Mommy is about to do 4D u/s



your face on the side


your leg



your face compared to mommy (so similar especially mouth and cheek)


เห็นหน้าเต็มๆแว๊บนึง



Finished the U/S แม่พุงอืดเลย



วันศุกร์ที่ 4 พฤษภาคม พ.ศ. 2555

เจาะน้ำคร่ำ (amniocentesis drawn)

วันศุกร์ 27 เม.ย.55 กำลังนั่งรถกลับจากทำงาน ศูนย์ผู้มีบุตรยากโทรมาบอกว่าผลเลือดตรวจความเสี่ยงดาวน์ออกแล้ว หมอให้นัดเข้ามาคุยเรื่องเจาะน้ำคร่ำ จิตตกเลย เพราะรู้ว่าผลเลือดคงออกมาไม่ดี เครียดไปเลยจริงๆนะ  หมดนัดอีกทีวันอาทิตย์ 29 เม.ย. เพราะวันเสาร์วันหยุดหมอ  เอกไปสัมมนาที่นครนายก เลยต้องตีรถกลับมา เพราะคงไม่ได้กลับบ้านกรุงเทพฯแล้ว

เช้าวันอาทิตย์ ไปรอหมอตั้งกะ 10 โมงตามนัด ไม่รู้ว่าต้องเจาะน้ำคร่ำวันนี้ เลยไม่ได้เตรียมตัวอะไรเลย
ยังแพ๊คกระเป๋าเตรียมไปค้างบ้านม๊า เพราะหยุดจันทร์ อังคาร  พยาบาลให้ไปนอนรอในห้องเลย บอกอีกนาน เพราะจะให้เจาะน้ำคร่ำเลยให้เป็นเคสสุดท้าย  รอกระสับกระส่ายถึงบ่ายโมงก็ยังไม่ได้ตรวจ เพราะวันนี้คนไข้เยอะจริงๆ เลยออกไปวีน ว่าจะไปให้ใครแซงแล้ว เพราะเห็นมีคนเพิ่งมาอีก 2 คน  ก็บอกว่าให้เค้ารอเรามั่งสิ ไม่ได้นานขนาดเป็นชั่วโมงซะหน่อย 



waiting for the operation


ได้เจอหมอ บ่ายโมงครึ่ง หมออธิบายให้ฟังว่าความเสี่ยงของเราสูงกว่าอายุเฉลี่ยที่ 35 ซึ่งประมาณ 1:350 แต่ของเรา 1:95  เราก็ควรเจาะให้รู้ไปเลย  อายุครรภ์ 16 wks เป็นเวลาที่เหมาะสม เพราะไม่ควรเจาะเกิน 20 wks  ก็ขึ้นเตียงห้องหมอเลย หมอซาวน์ดูน้องโดยละเอียด ตอนแรกน้องนอนไม่เห็นเพศ แต่ซักพักก็เห็นจู๋น้อยและก้น หมอบอกผู้ชาย 555 ก็รู้อยู่แล้ว เพราะซาวน์ครั้งก่อนตอน 13 wks หมอก็ฟันธงว่าน่าจะชาย แต่นี่คอนเฟิมด้วย ultrasound


ช้างน้อยลูก
 หมอดูตำแหน่งลูกแล้วขีดปากกาไว้ที่พุงว่าหมอจะเจาะตรงนี้นะ เพราะน้องอยู่ด้านซ้าย ระหว่างนั้นเอกถ่ายวีดีโอไว้ตลอด เราขอปิดหน้าไม่กล้าดู และกลัวมาก หมอบอกมือเย็นเจี๊ยบเลย หมอบอกทุกขั้นว่าฉีดยาชานะ แล้วก็เจาะแล้วนะ ดูดมา 2 หลอดโต (เอกบอก)  พุงจากที่ไม่มีอยู่แล้วก็ฟีบไปเลย ตอนที่ยาชาออกฤทธิแล้วหมอเจาะก็รู้สึกเสียวๆแต่ไม่เจ็บ  เมื่อเสร็จก็ซาวน์ดูน้องอีกที และเข็นไปห้องพัก หมอให้นอนโรงพยาบาล 1 คืนเพื่อให้แผลที่เจาะปิดสนิท และน้ำคร่ำไม่รั่ว


เจาะเข้าไปแล้ว


เข็นขึ้นห้องพัก

หมอบอกว่าให้ออกจากรพ.เย็นๆของอีกวันเลยนะ เอาให้ชัวร์ แต่เอกต้องไปทำงานวันจันทร์ เลยไปรับอาม่ามาเฝ้าแทน อาม่าบอกเหมือนมาพักผ่อนเลย เพราะนอนตลอด ส่วนเราแปลกที่นอนไม่หลับทั้งคืน นอนไป 2 ชั่วโมงเอง  ก่อนกลับหมอให้พยาบาลมาวัดเสียงหัวใจน้อง มีเรื่องน่าระทึก คือวัดเท่าไหร่ก็ไม่ได้ยินเสียงหัวใจ วัดสามรอบ จนเครื่องแบตหมด สุดท้ายพยาบาลไปตามรุ่นพี่พยาบาลมาวัด แล้วก็ได้ยินเสียงหัวใจลูกที 164 ต่อนาที  แม่เกือบจะใจสลาย ตอนไม่ได้ยินเสียงหัวใจลูก อาม่ากับพ่อก็ตกใจไปด้วย รักอาม่ามาก เพราะวันที่เราไม่สบาย ก็ได้เค้านี่แหละมาดูแล



อาม่ามาเฝ้า